เลือกติดฟิล์มรถยนต์ ในการที่ทุกคนออกรถมาใหม่ หนึ่งในสิ่งแรกๆ ที่ต้องคำนึกถึง และเตรียมเงินไว้ คงหนีไม่พ้น กับการติดฟิล์มกรองแสง เพราะมันเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง สำหรับประเทศเขตร้อน แบบไทยแลนด์ การจะเสี่ยงขับรถยนต์เปลือยเปล่า ไปบนถนนอุณหภูมิ และแสงแดด แบบนี้โดยไม่ติดฟิล์ม กรองแสง ย่อมจะส่งผลเสียมากกว่า ผลดีแน่นอน

แต่อย่างที่รู้กันว่า การจะติดฟิล์มกรองแสงรถยนต์สักครั้ง ก็ใช้เงินไม่ใช่น้อย หลายคนก็ยังสงสัย เลือกติดฟิล์มรถยนต์ การติดฟิล์มกรองแสงแบบนั้น มีประโยชน์อย่างไร แล้วมีวิธีเลือกฟิล์มอย่างไร เพื่อให้เหมาะสม กับรถยนต์ของเรามากที่สุด วันนี้ STM มีคำตอบค่ะ

5 สิ่งที่ต้องพิจารณาก่อน เลือกติดฟิล์มรถยนต์

1.เลือกฟิล์มติดรถยนต์ จากระดับราคา ราคาถูก ราคาแพง

ฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์ทั่วไป ราคาถูก

ฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์ ราคาถูกทั่วไปนั้น ราคาเริ่มได้ตั้งแต่หลักพันต้นๆ ไปจนถึงหลักพันกลางๆ ซึ่งโดยปกติแล้ว ฟิล์มติดยานยนต์ทั่วไป หรือฟิล์มดำธรรมดานี้ ผลิตมาด้วยกระบวนการย้อมสีให้ดำ อาจจะสามารถป้องกันแสงสว่างได้บางส่วน และกันรังสีจากดวงอาทิตย์ เช่น รังสี UV ได้บ้าง แต่อาจจะไม่ได้มากถึง 99 % ขึ้นอยู่กับคุณภาพของฟิล์ม

แต่ติดฟิล์มดำธรรมดา ก็ไม่ได้รับประกันว่า จะสามารถประกันได้ว่า จะสามารถป้องกัน จากความร้อน จากแสงอาทิตย์ โดยตรง เพราะว่า ในแสงแดดนั้นมีความร้อน สะสมจากรังสีอินฟราเรด ในปริมาณที่มากกว่า ว่าง่ายๆ คือ ติดฟิล์มดำ ราคาถูก อย่างเดียว กันแต่แสง แต่ไม่กันความร้อน ถ้าติดฟิล์มเกรดนี้ อาจจะต้องทำใจในการเปลี่ยนฟิล์มบ่อยๆ ในทุก 1-2 เนื่องจาก ฟิล์มจะซีดเร็ว

เทคนิคการเลือกฟิล์มราคาถูก คืออย่างน้อย แค่ป้องกันรังสี UV ได้ 99 % และฟิล์มต้องไม่ออกโทนสีม่วง ก็เพียงพอแล้ว

ฟิล์มกรองแสงติดยนต์ระดับกลาง ราคามาตรฐาน

ฟิล์มกรองแสง ติดรถยนต์ระดับกลาง เป็นฟิล์มกรองแสงที่เคลือบสารกันร้อน มาระดับหนึ่งแล้ว ส่วนมากที่เราเรียกกันทั่วๆไปก็คือ ฟิล์มปรอทนั่นเอง มีความมันวาว กันความร้อนได้ดี กันรังสี UV 99 % เป็นเรื่องปกติ แต่กันร้อนได้มาก ขึ้นอยู่กับปริมาณ สารเคลือบสะท้อนแสง ราคาติดฟิล์มจะอยู่ที่ประมาณ พันกลางๆ เป็นเกรด ราคาที่นิยม และขายดีที่สุดในประเทศไทย

เทคนิคการเลือกฟิล์มเกรดระดับกลาง คือ ค่าแสงสะท้อนอยู่ ระหว่าง 10 – 30 % และ รับประกันนานกว่า 5 – 7 ปีขึ้นไป

ฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์ระดับพรีเมี่ยม ราคาค่อนข้างสูง

ฟิล์มกรองแสงราคาสูง ซึ่งจะเหนือกว่า ในด้านคุณภาพ การป้องกันความร้อน ป้องกันอินฟราเรด มากกว่าฟิล์ม ติดรถยนต์ทั่วไป ราคาถูก แต่เมื่อคุณภาพเพิ่มสูงขึ้น สิ่งที่ต้องตามมาด้วยคงหนีไม่พ้นเรื่องราคา สูง

โดยจะเริ่มตั้งแต่หลักหมื่น ไปจนถึงขั้นหลายหมื่นเลยทีเดียว แต่มันก็ไม่คุ้มค่า เพราะฟิล์มกรองแสงระดับนี้ จะมอบคุณสมบัติบางอย่างเช่น การป้องกันความร้อนสูงเกิน 90 % การลดแสงสะท้อน ในห้องโดยสารเพื่อให้ ขับขี่สบายตา การป้องกัน การแตกกระจายแบบนิรภัย เพิ่มมาให้นั่นเอง ถ้างบถึง ยังไงก็อยากให้ติดฟิล์ม แบบคุณภาพสูง จะคุ้มค่ากว่าในระยะยาวค่ะ

เทคนิคการเลือกฟิล์มเกรดพรีเมี่ยม คือ ป้องกันรังสีอินฟราเรด ได้มากกว่า 80% ขึ้นไป และ รับประกันนานกว่า 7 – 10 ปีขึ้นไป

2. เลือกฟิล์มติดรถยนต์ จากชนิดของฟิล์มกรองแสง จากเทคโนโลยีการผลิต

การผลิตฟิล์มด้วยเทคโนโลยีการย้อมสี Deep Dye Film

การผลิตฟิล์มกรองแสงประเภทนี้คือ การจุ่มเนื้อพลาสติกด้วยสีย้อม ( Dye ) เพื่อให้ฟิล์มเป็น สีดำเข้ม ทำให้มี ความเข้มตามที่ต้องการ ปิดท้ายด้วยการเคลือบสาร ป้องกันรังสี UV ซึ่งเทคโนโลยี แบบนี้ทำให้ฟิล์มที่ได้ราคาประหยัด กันแสงได้ดี แต่ยังกันความร้อน ได้ไม่ดีเท่าที่ควร

การผลิตฟิล์มกรองแสงด้วยเทคโนโลยี Nano IR

ฟิล์มแบบนาโนก็ถือว่า เป็นเทคโนโลยีแบบใหม่ ที่เพิ่งนำเข้ามา ใช้ในการผลิตฟิล์มกรองแสง จึงจะทำให้สามารถบรรจุ องค์ประกอบของการป้องกันความร้อนในระดับนาโน หรืออนุภาคขนาดเล็ก คือ 1/1,000,000,000 เมตร ซึ่งอนุภาคนาโนที่เป็นที่นิยม ในปัจจุบันก็คือ ฟิล์มนาโนเซรามิก นั่นเอง

ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นก็คือ หากฟิล์มกรองแสงมีความเข้มเท่ากัน จะสามารถป้องกันความร้อนได้ดีกว่า และสูงสุดถึงระดับ 99 % ตามการทดสอบจากระดับรังสี 0 – 2400 นาโนเมตร และสามารถป้องกันความร้อนสูงสุด คงทนยาวนาน รับประกันเกิน 10 ปี ขึ้นไป เป็นฟิล์มกรองแสง ที่ได้ความนิยมมากในปัจจุบัน

3. เลือกประเภทของฟิล์มกรองแสงจากวัสดุการผลิต

ฟิล์มปรอท

มาเริ่มประเภทแรก กันด้วย ฟิล์มปรอท ซึ่งฟิล์มตัวนี้ กรองแสงติดรถยนต์ จะถูกเคลือบผิวด้วยไอโลหะต่างๆ ทำให้ตัวของเนื้อฟิล์ม กลายเป็นสีสะท้อนเหมือนกับกระจกเงา ทำให้สามารถลดความร้อนภายใน รถยนต์ได้ถึง 35 – 90 % เลยทีเดียว แต่ก็จำเป็นต้องระวังเป็นอย่างมาก

ฟิล์มอินฟราเรด

ฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์ ที่ใช้สารขนาดพิเศษ ซึ่งกระบวนการผลิต ก็ตามชื่อของมัน เป็นการใช้สารเคมี พิเศษที่มีคุณสมบัติ ไปตัดกับรังสีอินฟราเรด มาใช้ในการเคลือบแผ่นฟิล์มนั่นเอง ซึ่งอาจจะเป็นสารเคลือบเป็นฟิล์มนาโน หรือ ฟิล์มเซรามิก นั่นเอง

ฟิล์มนิรภัย

สำหรับประเภทสุดท้ายในการเลือกจากวัสดุ เป็นฟิล์มติดรถยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีอนุภาคมาเคลือบเนื้อฟิล์ม ทำให้เนื้อฟิล์มใสไม่มีสี ซึ่งกลายเป็นข้อดีที่จะไม่บดบัง วิสัยในการขับขี่ หรือในบางครั้ง จะเรียกว่า ฟิล์มใสกันร้อน

4.เลือกค่าคุณสมบัติต่างๆของฟิล์มรถยนต์

ค่าความเข้มของฟิล์มกรองแสง

ฟิล์มติดรถยนต์เข้ม 40 % คือ ฟิล์มที่ยอมให้แสงสว่างผ่านเข้ามาได้ 40 %

ฟิล์มติดรถยนต์เข้ม 60 % คือ ฟิล์มที่ยอมให้แสงสว่างผ่านเข้ามาได้ 60 %

ฟิล์มติดรถยนต์เข้ม 80 % คือ ฟิล์มที่ยอมให้แสงสว่างผ่านเข้ามาได้ 80 %

ค่าการลดความร้อนรวม

ค่าสะท้อนแสง

5. เลือกการรับประกันและการติดตั้งฟิล์ม

อีกสิ่งสำคัญ ที่ต้องพิจารณา เมื่อจะติดฟิล์มกรองแสง ก็คือ การรับประกัน โดยปกติแล้วฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์พวกนี้ จะมีการรับประกันคุณภาพ 5 ปี 7 ปี หรือ 10 ปี แล้วแต่เงื่อนไข ของแต่ละบริษัท แต่ก็ไม่ควรจะต่ำกว่า 7 ปี

ติดฟิล์มกรองแสงรถยนต์ มีประโยชน์อย่างไร

  1. ป้องกันความร้อน
  2. รักษาอุปกรณ์ภายใน
  3. เพิ่มทัศนวิสัย
  4. เพิ่มความปลอดภัย
  5. ประหยัดน้ำมัน

เลือกติดฟิล์มรถยนต์

สามารถปรึกษาเรื่องเครื่องยนต์❣️

📌 ได้ที่ลิงค์ด้านล่างได้เลยค่ะ

แฟนเพจ : STM Racing Udon

สั่งซื้อสินค้า SHOPEE : STM Racing Shop

สั่งซื้อสินค้า LAZADA : STM Racing Shop

สั่งซื้อทางเว็บไซต์ : STMRACINGUDONTHANI.COM